ในการใช้งานอุปกรณ์ Cisco นั้น เมื่อเพื่อน ๆ ตั้งค่าให้เราเตอร์ทำการเก็บ log แล้ว แต่โดยปกติ log บนอุปกรณ์นั้นจะไม่มีการจัดเก็บถึงคำสั่งที่มีการใช้งานบนอุปกรณ์ คือเราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่ามีใคร remote เข้ามาแก้ไขคำสั่งใด ๆ บนอุปกรณ์ของเราหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ ๆ ใช่มั้ยครับเพื่อน ๆ เพราะอาจจะทำให้เรางานเข้า(อย่างมาก)ได้ สำหรับใครที่สนใจอยากรู้รายละเอียดก็ขอเชิญติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ
การตั้งค่าการเก็บ log ของคำสั่งที่มีการใช้งานบนอุปกรณ์นั้นสามารถทำได้ด้วยการใช้คำสั่ง Archive ครับ ซึ่งคำสั่งนี้รองรับมาตั้งแต่ Cisco IOS Release 12.3(4)T ครับ
เอาล่ะครับผมไม่ขอพูดให้มากความ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ สำหรับขั้นตอนในการตั้งค่าการเก็บ log คำสั่งที่ใช้งานบนอุปกรณ์ Cisco ก็มีดังนี้ครับ
- ทำการตั้งค่า NTP บนอุปกรณ์
- ทำการการเก็บ logging บนอุปกรณ์
- เข้าสู่โหมด Archive Configuration Mode
- ใช้คำสั่ง log config เพื่อเปิดการจัดเก็บ log การ config
เอาล่ะครับ ขั้นตอนในการตั้งค่าก็ไม่ได้มากมายอะไร เรามาเริ่มดูตัวอย่างการตั้งค่าในขั้นตอนแรกกันเลยดีกว่าครับ อันดับแรกเราก็มาทำการตั้งค่า ntp กันก่อนเลยครับ เพื่อที่เวลาจัดเก็บ log แล้ว เวลาบน log นั้นจะได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ โดยให้ทำการตั้งค่า ntp server และ ทำการตั้ง timezone ตามตัวอย่างด้านล่างเลยครับ
ตัวอย่าง
Router(config)#ntp server 10.100.100.123
Router(config)#clock timezone ICT +7
Router(config)#do show clock
10:21:25.506 ICT Fri Nov 12 2010
ขั้นตอนต่อมาก็ทำการตั้งค่า logging บนตัวอุปกรณ์ครับ โดยในตัวอย่างนี้จะทำการจัดเก็บ logging ไว้ใน buffer ของอุปกรณ์และก็จะทำการส่ง log มายัง Syslog Server ด้วยครับ จากนั้นจึงทำการตั้งค่าให้วันเวลาที่ปรากฏบน log นั้น เป็นไปตามที่เราต้องการครับ ซึ่งรายละเอียดตรงส่วนนี้ ก็ขอให้เพื่อน ๆ ลองเล่น ปรับเปลี่ยนค่าต่าง ๆ ดูกันนะครับ
ตัวอย่าง
Router(config)#logging buffered 10000 informational
Router(config)#logging trap informational
Router(config)#logging host 10.100.100.10
Router(config)#service timestamps log datetime localtime show-timezone msec
เมื่อทำตามขั้นตอนด้านบนนี้เรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถทำการเก็บ log แล้วครับ เพียงแต่ว่า log การ config ต่าง ๆ นั้น ยังไม่ถูกจัดเก็บตามที่เราต้องการ ซึ่งเราจะต้องทำในขั้นตอนสุดท้ายก่อนครับจึงจะเรียบร้อย โดยในขั้นตอนสุดท้ายนี้จะเป็นการตั้งค่า เพื่อให้อุปกรณ์นั้นทำการเก็บ log ค่า config ต่าง ๆ ที่มีการใช้งานบนตัวมันครับ
ตัวอย่าง
Router(config)#archive
Router(config-archive)#log config
Router(config-archive-log-cfg)#logging enable //ทำการเปิดการใช้งานการเก็บ log ค่า config
Router(config-archive-log-cfg)#notify syslog //ทำการส่ง log ค่า config ไปยัง syslog
Router(config-archive-log-cfg)#hidekeys //ใช้คำสั่งนี้เพื่อให้ซ่อน key หรือ password ต่าง ๆ บน log
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้แล้ว เราจะเห็นว่าคำสั่งทุก ๆ คำสั่งที่เราทำการตั้งค่าลงไปนั้น จะถูกเก็บลง log ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เราสามารถที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ว่ามีการตั้งค่าอะไรไปบ้างจากผู้ใช้คนไหน(ถ้ามีการใช้การพิสูจน์ตัวตนด้วย AAA โมเดล) ไปแล้วบ้างตามตัวอย่างด้านล่างนี้เลยครับ
ตัวอย่าง
Router#show logging
Syslog logging: enabled (12 messages dropped, 1 messages rate-limited,
0 flushes, 0 overruns, xml disabled, filtering disabled)
Console logging: level debugging, 54 messages logged, xml disabled,
filtering disabled
Monitor logging: level debugging, 0 messages logged, xml disabled,
filtering disabled
Buffer logging: level informational, 38 messages logged, xml disabled,
filtering disabled
Logging Exception size (4096 bytes)
Count and timestamp logging messages: disabled
No active filter modules.
ESM: 0 messages dropped
Trap logging: level informational, 58 message lines logged
Logging to 10.100.100.10(global) (udp port 514, audit disabled, link up), 44 message lines logged, xml disabled,
filtering disabled
Log Buffer (10000 bytes):
*Mar 1 00:41:46.127: %SYS-5-CONFIG_I: Configured from console by cisco on console
Nov 12 03:20:45.839: %SYS-6-CLOCKUPDATE: System clock has been updated from 03:20:45 UTC Fri Nov 12 2010 to 10:20:45 ICT Fri Nov 12 2010, configured from console by cisco on console.
Nov 12 10:31:10.561 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:notify syslog
Nov 12 10:31:15.737 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:hidekeys
Nov 12 10:31:18.525 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:exit
Nov 12 10:51:10.136 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:interface FastEthernet0/1
Nov 12 10:51:13.008 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:shutdown
Nov 12 10:51:15.000 ICT: %LINK-5-CHANGED: Interface FastEthernet0/1, changed state to administratively down
Nov 12 10:51:16.000 ICT: %LINEPROTO-5-UPDOWN: Line protocol on Interface FastEthernet0/1, changed state to down
Nov 12 10:51:16.540 ICT: %PARSER-5-CFGLOG_LOGGEDCMD: User:cisco logged command:no shutdown
Nov 12 10:51:18.520 ICT: %LINK-3-UPDOWN: Interface FastEthernet0/1, changed state to up
Nov 12 10:51:19.520 ICT: %LINEPROTO-5-UPDOWN: Line protocol on Interface FastEthernet0/1, changed state to up
No comments:
Post a Comment